Black Ops 7 ทุกฤดูใบไม้ร่วง เช่นเดียวกับที่ตั้งตารอการกลับมาของ Pumpkin Spice Latte รู้ดีว่ากำลังจะเจอกับอะไร รีวิวโหมดผู้เล่นหลายคนของเกม Black Ops 7 และมักจะดื่มด่ำกับรสชาติอุ่นๆ ที่คุ้นเคยในจิบแรกเสมอ Closed Beta ปีนี้มาพร้อมกับรสชาติอันเข้มข้นดุดัน ผสมผสานกลิ่นลูกจันทน์เทศที่ตามหามาตั้งแต่ความหนาวเย็นจากทางเหนือที่แผ่ปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน และถึงแม้จะให้ความรู้สึกเหมือนเกม CoD ที่คาดหวังไว้ แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆ บางอย่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ และยังมีอีกหลายอย่างที่ตั้งตารอที่จะปลดล็อก จริงๆ แล้วรู้สึกเหมือนเสียเวลารอ BLOPS7 รีสตาร์ทมากกว่าตอนแข่งอีก น่าเสียดายจริงๆ เพราะแค่อยากวิ่งไปยิงหน้าคนแปลกหน้ากับเพื่อนๆ ด้วยกัน สุดท้ายก็ลงแข่งกับเพื่อนได้สองสามแมตช์ และทุกคนก็สนุกกันแบบ Call of Duty เหมือนเดิม เกมก็ยังแครชอยู่ แต่ครั้งนี้ก็หลังจากเล่นไปสองสามแมตช์ ตอนแรกวางแผนว่าจะเล่นให้ถึงเลเวล 20 เมื่อคืน แต่ด้วยเวลาที่เสียไปกับการรีบูตไม่ใช่แค่ BLOPS7 เบต้าเท่านั้น แต่รวมถึง PC ด้วย เลยเล่นได้แค่เลเวล 14 เท่านั้นไม่ได้ภูมิใจเลย

ระบบการเคลื่อนที่ใหม่ของ Black Ops 7
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดที่ส่งผลต่อเกมเพลย์โดยตรง
- การกระโดดจากกำแพง (Wall Jumping) ผู้เล่นสามารถพุ่งตัวเองออกจากกำแพงเพื่อสร้างโมเมนตัม, ข้ามช่องว่าง หรือทำให้คู่ต่อสู้สับสนได้ โดยสามารถ เชื่อมโยงการกระโดดจากกำแพงได้สูงสุดถึง 3 ครั้ง ซึ่งเพิ่มมิติในการสำรวจแผนที่และการเข้าปะทะอย่างมาก
- การปีนป่าย (Mantle) ระบบการปีนป่ายถูกปรับปรุงให้ราบรื่นขึ้น ช่วยให้สามารถปีนขอบสูงเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งยุทธศาสตร์ได้เร็วขึ้น
- การเคลื่อนไหวขณะนอนราบ ยังคงมีการเคลื่อนไหวแบบ 360 องศาในขณะที่ผู้เล่นอยู่ในท่านอน (Prone) เหมือนกับภาคก่อนหน้า
แผนที่ (Maps)
ตัวเกมจะเปิดตัวพร้อมกับแผนที่ 16 แผนที่สำหรับโหมด 6v6 และ 2 แผนที่ขนาดใหญ่สำหรับ โหมด Skirmish โดยมีจุดเด่นคือ
- แผนที่ใหม่ เช่น Cortex, Exposure, Imprint, The Forge, Blackheart และ Toshin โดยแต่ละแผนที่มีสีสันสดใสและใช้ประโยชน์จากระบบการเคลื่อนที่ใหม่
- แผนที่คลาสสิกที่กลับมา ยืนยันแล้วว่าจะมีแผนที่ยอดนิยมจาก Black Ops 2 กลับมา ได้แก่ Raid, Hijacked และ Express

โหมดเกม (Game Modes)
นอกเหนือจากโหมดคลาสสิก (Team Deathmatch, Domination, Hardpoint, Kill Confirmed, Search & Destroy) ยังมีการเพิ่มโหมดใหม่
- Overload (ใหม่) โหมด 6v6 ที่ผู้เล่นจะต้องแย่งชิงอุปกรณ์ Overload และนำไปส่งยังโซนควบคุมของศัตรูเพื่อทำคะแนน เป็นโหมดที่เน้นการปะทะทีมใหญ่และการพลิกเกม
- ระบบคลาสและ Perk (Loadouts & Perks)
- Field Upgrades และ Overclock อุปกรณ์ Field Upgrades แต่ละชิ้นมี Overclock Abilities 2 รูปแบบ ให้เลือกใช้ เพื่อปรับแต่งความสามารถให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น Drone Pod สามารถเลือกให้โดรนถูกยิงออกไปเร็วขึ้น หรือทิ้งไอคอนบนแผนที่ขนาดเล็กไว้ ณ จุดระเบิด
- ระบบ Perk มีการปรับปรุงระบบ Perk โดยมีการแยก Perk บางอย่างที่เคยเป็นความสามารถพื้นฐานไปอยู่ในช่อง Perk แทน เช่น การวิ่ง Tactical Sprint ที่เร็วขึ้นจะต้องใช้ Perk เฉพาะ
- Hybrid Combat Specialist Bonus ผู้เล่นมีอิสระในการผสมผสาน Perk บางประเภทเพื่อปลดล็อกโบนัสเพิ่มเติม

จุดเด่นที่น่าสนใจของ Black Ops 7
- ระบบ Omnimovement ที่พัฒนาขึ้น เป็นระบบการเคลื่อนที่ที่เพิ่มความสามารถในการ วิ่งไต่กำแพง (Wall Running) และ กระโดดจากกำแพง (Wall Jumping) เข้ามา ทำให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปมาในแผนที่ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง คล้ายกับเกม Advanced Warfare หรือ Black Ops 3 ซึ่งหลายคนพบว่ามัน สนุกมาก และทำให้การต่อสู้เร็วขึ้นมาก แต่ก็มีข้อสังเกตว่าอาจทำให้ผู้เล่นที่เน้นการเล่นแบบดั้งเดิมรู้สึกว่า เร็วเกินไป
- การยิง (Gunplay) ที่เฉียบคม ตามสไตล์ของ Call of Duty การควบคุมปืนและการยิงยังคงทำได้ดีและให้ความรู้สึกที่มั่นคง
- ระบบ Field Upgrades และ Perks ที่ปรับปรุง มี Field Upgrades ใหม่ๆ พร้อม Overclock Abilities ที่ให้ทางเลือกในการสนับสนุนทั้งเชิงรุกและเชิงรับมากขึ้น และมีการปรับปรุงระบบ Perk แต่บางคนก็รู้สึกว่า Perk บางอย่าง (เช่น Dexterity) ยังมีความสำคัญมากเกินไปจนกลายเป็น Perk ที่จำเป็นต้องมี
- ความหลากหลายของแผนที่ (ใน Beta) แผนที่ที่เปิดให้เล่นในช่วง Beta ได้รับการออกแบบโดยมีทางหลักสามเลน (Three-Lane Maps) และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบการเคลื่อนที่ใหม่ ทำให้เกิดมุมมองและตำแหน่งการต่อสู้ที่หลากหลาย