สวัสดีค่ะวันนี้ดิฉันอยากจะมาป้ายยาภาพยนตร์เรื่อง “เลือนหายในแสดงดาว Lost in Starlight (2025)“ภาพยนตร์แนวแอนิเมชั่น วิทยาศาสตร์ ผลงานการกำกับของ ฮันจีวอนและเขียนบทโดย คังฮยอนจู บอกเลยว่าสนุก ดูเพลิน เหมาะกับใครที่ต้องการดูภาพยนตร์ดีๆสักเรื่องในวันหยุด รับชมได้ทาง Netflix ถือเป็นภาพยนตร์สนุกน่าดูอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ มาค่ะมาดูกันว่าภาพยนตร์จะสนุกขนาดไหน
Lost in Starlight (2025) ในเรื่องเล่าถึง นันยอง นางเอก หลังจากมารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในขณะที่อยู่ในยานสำรวจดาวอังคาร เธอกลายเป็นเด็กที่ขาดแม่ หลังจากโตขึ้นเธอมีเป้าหมายในการเป็นนักบินอวกาศอย่างแม่ เพื่อตามหาร่องรอยของมารดา จนวันหนึ่งความฝีนของเธอสำเร็จ ในขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวเพื่อทำภารกิจในการขึ้นสำรวจดาวอังคาร เธอได้เจอกับ เจย์ พระเอก นักดนตรีที่หลงใหลในการเล่นดนตรีย้อนยุค จนพัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นคนรัก เมื่อเธอออกเดินทางไปสู่ห้วงอวกาศ ทั้งคู่จากกัน เจย์ รอคอย นันยอง ด้วยความหวัง สุดท้ายแล้วเธอจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ และพวกเขาจะสมหวังในรักหรือเปล่าต้องไปตามกันต่อในภาพยนตร์
อันดับแรกเรามาดูในส่วนของเนื้อเรื่องหลังดูจบดิฉันรู้สึกว่าเป็น ภาพยนตร์อะนิเมชั่น ที่สนุก ดูเพลินไม่ได้ถึงกับว้าวมาก แต่ก็ยังสร้างอรรถรสได้อยู่ค่ะ เนื้อเรื่องเล่าผ่านตัวละครพระ-นางทั้งคู่เจอกันตอนที่นางเอกกำลังจะออกเดินทางไปยังดาวอังคารเพื่อทำ ภารกิจสำรวจดวงดาว ทำให้ทั้งคู่ต้องจากกัน เขาเฝ้ารอการกลับมาของเธอ ระหว่างที่ทั้งคู่ต้องจากกันทำให้พวกเขากลับรักกันมากยิ่งขึ้น สุดท้ายเมื่อทำภารกิจสำเร็จ เธอได้กลับมายังโลกอีกครั้ง บอกเลยว่าเป็นภาพยนต์อะนิเมชั่นที่ภาพสวย อบอุ่น และผูกโยงเรื่องได้น่าติดตามเลยค่ะ ส่วนตัวดิฉันชอบเนื้อเรื่องตรงส่วนที่แม้จะไม่แปลกใหม่ แต่เล่าสตอรี่ไลน์ให้เรา อยากดูจนจบว่าสุดท้ายแล้ว พระ-นางจะสมหวังในรักหรือไม่
ต่อมาในส่วนของนักพากย์ได้ทีมนักพากย์เสียงอย่าง คิมแทรี พากย์เสียงเป็น นันยอง ประกบคู่กับ ฮงคยอง พระเอกหนุ่มหน้าหล่อที่จะมาพากย์เสียงเป็น เจย์ พร้อมด้วยทีมพากย์เสียงคนอื่นๆ อาทิเช่น คังคูฮัน, ฮันยองมี, ชารอน ควอน, ยุนอายอง, เดวิด จอห์น รอบบินส์ และ จางมี แต่ละคนพากย์เสียงได้เนียนสมจริงและได้อารมณ์มาก ส่วนตัวดิฉันชอบเสียงของคิมแทรีค่ะ ดูมีเอกลักษณ์ และเข้ากันไดดีกับคาแรกเตอร์ของนันยองค่ะ
อันดับที่สามเรามาดูในส่วนงานภาพ ถือว่าทีมงานลงรายละเอียดและนำเสนอได้ดีเลยค่ะ ภาพ แสง สี ลายเส้น ดูมีมิติและมีเอกลักษณ์ เข้ากันดีกับฉากการแสดงในแต่ละฉาก ส่วนตัวดิฉันชอบฉากตอนที่พระ-นางเจอกัน ภาพสวยและดูสมจริงค่ะ
อันดับสุดท้ายมาดูในส่วนของเพลงประกอบกันค่ะ แต่ละเพลงส่วนใหญ่มีความหมายดีทั้งเพลงเปิดและเพลงปิดเข้ากันกับเนื้อเรื่อง ส่วนตัวดิฉันชอบเพลงTake me – John Park | 이 별에 필요한 (Lost in Starlight) ค่ะ ฟังเเล้วยิ่งทำให้อินและฟินกับการดูยิ่งขึ้นค่ะ แถมเสียงร้องยังเพราะอีกด้วยค่ะ
