
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งคำถามว่า อนิเมะแอ็กชันแนวปรัชญา ยังมีอยู่จริงไหมในยุคที่เนื้อหาแบบรวบรัดตัดจบกลายเป็นสูตรสำเร็จ “Lazarus” คือคำตอบที่เราอยากชวนคุณมองให้ลึกขึ้นอีกนิด เพราะนี่ไม่ใช่อนิเมะที่เน้นแค่ความมันหรือฉากต่อสู้สุดเท่ แต่เป็นงานที่กล้าหยิบเอาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มาปะทะกับคำถามเรื่องศีลธรรม ความเชื่อ และจุดจบของมนุษย์อย่างตรงไปตรงมา ในบทความนี้ ผู้เขียนในฐานะคนดูที่ได้สัมผัสมาแล้ว อยากมาเล่าประสบการณ์ตรงว่า “Lazarus” มีดีอย่างไร และทำไมถึงควรค่าแก่การดูแบบเปิดใจ

ตอนที่ผู้เขียนกดดู “Lazarus” ครั้งแรก ยอมรับเลยว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะเห็นแค่โปสเตอร์กับชื่อผู้สร้างที่พอมีเครดิตอยู่บ้าง แต่พอได้ดูจริง ๆ แค่ตอนแรกก็รู้สึกแล้วว่านี่ไม่ใช่อนิเมะธรรมดา งานภาพเปิดเรื่องจัดเต็มด้วยแอ็กชันที่รวดเร็ว ฉากหลังสไตล์ไซเบอร์พังก์ผสมกลิ่นอายซามูไรตะวันตก มาพร้อมกับตัวละครที่ดูนิ่งเฉยอย่างจงใจ แต่กลับส่งพลังบางอย่างที่ทำให้เราอยากดูต่อแบบไม่ข้าม
จุดเด่นอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกทันทีคือ “Lazarus” ไม่ได้พยายามอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจในทันที มันค่อย ๆ ปล่อยปริศนาออกมาทีละนิด ผ่านบทสนทนาที่แฝงความหมายและฉากต่อสู้ที่ไม่ได้มาเพื่อโชว์พลังแต่สะท้อนความเชื่อของตัวละคร เหมือนกับว่าเรื่องนี้ต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการตีความมากกว่าแค่นั่งดูเฉย ๆ

ที่ผู้เขียนประทับใจเป็นพิเศษคือ การออกแบบโลกของ “Lazarus” ที่แม้จะเป็นโลกอนาคต แต่กลับรู้สึกใกล้ตัวในแบบที่น่าขนลุก สังคมในเรื่องเจริญด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบการแพทย์และพลังงานดูสมบูรณ์แบบ แต่เบื้องหลังกลับมีคำถามใหญ่ที่กระแทกใจเรามากขึ้นทุกตอนว่า “เรากำลังไว้ใจสิ่งที่เรียกว่าความก้าวหน้าเกินไปหรือเปล่า” และนั่นคือแก่นของเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่า Lazarus ไม่ได้สร้างมาเพื่อเอาใจใครเลย แต่มันสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความเปราะบางของมนุษย์ในโลกที่เราเองก็ยังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด
อีกสิ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือจังหวะของเรื่อง Lazarus ใช้ความเร็วของฉากแอ็กชัน มาตัดกับความนิ่งของตัวละครได้อย่างน่าสนใจ บางครั้งเราอาจรู้สึกว่ามันช้าเกินไปในบางช่วง แต่พอคิดอีกที ความนิ่งนั้นต่างหากที่ทำให้บทพูดบางประโยคยิ่งน่าฟัง ความเงียบบางตอนยิ่งกว่าดนตรีประกอบเสียอีก และนั่นแหละที่ทำให้เราหลุดเข้าไปในโลกของมันแบบไม่รู้ตัวสำหรับงานภาพและ แอนิเมชัน นั้นต้องยอมรับว่าทำได้ดีมาก โดยเฉพาะการออกแบบฉากเมืองและสไตล์ของตัวละครที่ดูมีเอกลักษณ์ชัดเจน ทุกการเคลื่อนไหวรู้สึกมีน้ำหนัก มีเป้า

โดยรวมแล้ว “Lazarus” คืออนิเมะที่กล้าหาญในแบบของตัวเอง ไม่ตามสูตร ไม่เอาใจตลาด แต่ยึดมั่นในสิ่งที่อยากเล่า และเลือกจะสื่อสารกับคนดูที่พร้อมจะเปิดรับมากกว่าคนที่ต้องการแค่ความบันเทิงรวดเร็ว หากคุณกำลังมองหาอนิเมะที่มากกว่าแค่ภาพสวยหรือฉากมัน “Lazarus” จะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่เสียเวลาแน่นอน สำหรับผู้เขียน มันคือหนึ่งในเรื่องที่ดูจบแล้วต้องใช้เวลาคิดต่อ และนั่นคือความรู้สึกที่อนิเมะดี ๆ ควรมอบให้จริง ๆ