Spermageddon หรือชื่อไทย แก๊งสเปิร์มผงาด เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันมิวสิคัลแนวตลกสำหรับผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแสบซ่าและมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศจากประเทศนอร์เวย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับร่วมกันของ ทอมมี่ เวียร์โคล่า (Tommy Wirkola) ผู้สร้างหนังแอ็กชันสุดเหวี่ยงอย่าง Dead Snow และ Violent Night และ ราสมุส เอ. ซิเวิร์ตเซน (Rasmus A. Sivertsen) ผู้กำกับแอนิเมชันชื่อดังของนอร์เวย์ โดยภาพยนตร์ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Annecy ในปี 2024 และมีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 27 มีนาคม 2025

เรื่องราวสองเส้นทางที่บรรจบกัน
ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องราวควบคู่กันไปอย่างชาญฉลาดในสองโลก:
1. โลกของวัยรุ่น
เราจะได้ติดตามเรื่องราวความรักครั้งแรกของ เจนส์ (Jens) เด็กหนุ่มขี้อายและเนิร์ดผู้คลั่งไคล้ Star Wars กับ ลิซ่า (Lisa) เพื่อนสนิทที่เขามีใจให้ ทั้งคู่ได้ใช้เวลาในช่วงหน้าร้อนร่วมกันและตัดสินใจจะมีเพศสัมพันธ์กันเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ในอีกโลกหนึ่ง เรื่องราวของเจนส์และลิซ่าไม่ได้มีเพียงแค่ความโรแมนติก แต่ยังสำรวจความรู้สึกที่ซับซ้อนและความเงอะงะของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก รวมถึงการพูดถึงประเด็นเรื่องเพศอย่างเปิดอก โดยเฉพาะความกังวลของลิซ่าที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์

2. โลกของเหล่าสเปิร์ม
ในขณะเดียวกัน ภายในอัณฑะของเจนส์ก็มีสังคมของสเปิร์มที่มีชีวิตชีวา! เราจะได้รู้จักกับ ไซมอน (Simen) สเปิร์มเนิร์ดติดแว่นที่ไม่ค่อยสนใจการแข่งขัน และ คูมิลลา (Cumilla) สเปิร์มเพื่อนสนิทผู้ใฝ่รู้ ทั้งคู่ได้เข้าเรียนใน “Screwniversity” และเฝ้ารอภารกิจครั้งสำคัญในชีวิต นั่นคือการถูกปล่อยออกไปเพื่อวิ่งแข่งไปยัง “ไข่” ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นเป้าหมายอันสูงสุดที่จะนำไปสู่ “นิพพาน” การผจญภัยของพวกเขาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ถุงยางอนามัย และ สารฆ่าสเปิร์ม
นอกจากนี้ ยังมีตัวละครร้ายอย่าง จิซโม (Jizzmo) สเปิร์มอัลฟ่าที่มีความทะเยอทะยานสูง ซึ่งสวมชุดเกราะสุดไฮเทคที่เรียกว่า Ejaculator 9000 เพื่อกำจัดสเปิร์มคู่แข่งทุกคนและเป็นผู้พิชิตไข่ให้ได้เพียงผู้เดียว ทำให้การเดินทางนี้กลายเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดราวกับสงคราม และเป็นฉากแอ็กชันสุดฮาที่ผู้กำกับกล่าวว่าเปรียบเสมือน “The Lord of the Rings ในรูปแบบของ Road Movie”

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีองค์ประกอบของมิวสิคัลพร้อมเพลงประกอบที่ติดหู และยังสอดแทรกประเด็นเรื่องการวางแผนครอบครัวและทางเลือกในการยุติการตั้งครรภ์ไว้ในตอนท้าย ทำให้ Spermageddon เป็นมากกว่าหนังตลกทะลึ่ง แต่เป็นแอนิเมชันสำหรับผู้ใหญ่ที่มีหัวใจและกล้าที่จะพูดถึงเรื่องเพศอย่างสนุกสนาน