Our Fault คำขอโทษ 3

Our Fault คำขอโทษ 3

อีกหนึ่งเฟรขไชส์หนังรักที่ยังเรืองรองอยู่ในโลกสตรีมมิงในช่วงไม่กี่ปีที่แล้ว และเป็น หนังชุด ที่เราอยากจะละทิ้งและเบือนหน้าหนีเสียจริง ๆ เพราะผลลัพธ์จากทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ยังไม่สามารถมัดใจเราได้เลยสักครั้งเดียว แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เมื่อเดินทางมาถึงบทอวสานใน “Our Fault คำขอโทษ 3” ก็ลองพยายามกลั้นใจและลองเสพย์บทสรุปแห่งรักครั้งนี้อีกสักครั้ง..เพื่อเป็นการส่งท้าย และกล้ำกลืนทำเพื่อคุณผู้อ่านทุกคน

บทสรุปแห่งรักที่เหนื่อยล้า…และน่าจะจบได้เสียที Our Fault คำขอโทษ 3” คือบทอวสานของแฟรนไชส์หนังรักสัญชาติสเปนที่เคยโด่งดังบนโลกสตรีมมิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา — ซีรีส์หนังที่ทั้งหวาน ทั้งร้อนแรง แต่ก็เต็มไปด้วยดราม่าที่ดูเหมือนจะไม่จบสิ้นเสียที หลังจากผ่านสองภาคแรกที่ชวนให้ผู้ชมหลายคนแทบจะถอดใจ มาถึงภาคสุดท้ายนี้ ก็ได้แต่ภาวนาให้มันกลายเป็นตอนจบที่คุ้มค่ากับการรอคอย

เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ โนอาห์ เดินทางกลับมายังเกาะอิบิซา เพื่อร่วมงานแต่งของเพื่อนสนิท เจนนา และลิออน แต่การกลับมาครั้งนี้ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับ นิค อดีตคนรักที่ยังไม่สามารถให้อภัยเธอได้ ความห่างเหินระหว่างทั้งคู่ถูกกำแพงแห่งความเจ็บปวดกั้นไว้ ทว่าไฟรักเก่าก็ยังคงลุกโชนอยู่ในใจ และความใกล้ชิดครั้งใหม่อาจเป็นเชื้อไฟที่ทำให้ทุกอย่างปะทุอีกครั้ง คำถามคือ…รักหรือแค้น จะเป็นฝ่ายชนะในท้ายที่สุด? ภาคนี้ได้ โดมิงโก กอนซาเลซ กลับมานั่งแท่นผู้กำกับและร่วมเขียนบทเช่นเดิม โดยดัดแปลงจากนิยายของ เมอร์เซเดส รอน พร้อมได้ โซเฟีย ควญซา มาช่วยแต่งเติมเนื้อหาอีกแรง จุดที่น่าชื่นชมคือหนังมีพัฒนาการชัดเจนกว่า “Your Fault” ภาคก่อน ทั้งในแง่โครงเรื่องที่กลมกล่อมขึ้น และการเล่าอารมณ์ที่มีทิศทางมากกว่าเดิม

แม้ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายความน้ำเน่าตามสูตร แต่ก็พอเห็นแสงสว่างของความตั้งใจอยู่บ้างอย่างไรก็ตาม หนังยังไม่สามารถหลุดพ้นจากความซ้ำซากแบบเดิมได้ พล็อตยังวนเวียนอยู่กับความเข้าใจผิด การงอนง้อ และการคืนดีแบบเดิม ๆ ขณะเดียวกันก็มีตัวละครใหม่เข้ามาเพิ่มสีสัน แต่กลับไม่ถูกใช้ให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร กลายเป็นเพียงเครื่องประดับที่ไม่มีน้ำหนักพอจะเปลี่ยนทิศทางของเรื่องได้จริง

จุดเด่นของ

ด้านงานภาพและโปรดักชันยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างดี ภาพถ่ายและการใช้แสงธรรมชาติช่วยขับอารมณ์โรแมนติกได้ลงตัว การออกแบบฉาก เสื้อผ้า และโทนสีของหนังยังคงมีกลิ่นไอหรูหรานุ่มละมุนตามแบบฉบับของซีรีส์นี้ แม้จะดูฟุ้งเฟ้อไปบ้าง แต่ก็ช่วยพยุงบรรยากาศโดยรวมให้มีชีวิตชีวามากขึ้น ในส่วนของการแสดง นิโคล วอลเลซ และ แกเบรียล กัววารา ยังคงรับบทของพวกเขาได้อย่างคุ้นมือ ทั้งคู่มีเคมีที่เข้ากันดีและพัฒนาในแง่ของอารมณ์มากขึ้น แม้ภาพลักษณ์ยังคงติดความเป็นวัยรุ่นหัวร้อน และนิสัยแบบ “รักแรกอันซุกซน” ที่ทำให้ความเป็นผู้ใหญ่ของตัวละครยังดูห่างไกล แต่ก็ถือว่าพวกเขาทำได้ดีที่สุดภายใต้บทที่ได้รับ สุดท้ายแล้ว “Our Fault” คือบทสรุปของไตรภาคที่ทั้งเหนื่อยและซ้ำซาก แต่ก็ยังมีแง่มุมบางอย่างที่ดีขึ้นเล็กน้อย ภาคนี้เหมือนความพยายามสุดท้ายของทีมผู้สร้างที่จะปิดฉากความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างโนอาห์และนิคให้ลงตัว ถึงจะยังคงมีความฟุ่มเฟือยและบทสนทนาน้ำเน่าอยู่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นตอนจบที่พอรับได้ของแฟรนไชส์รักวุ่น ๆ ที่ควรได้พักอย่างสงบเสียที

📺 Our Fault – Official Teaser | Prime Video

บทความที่เกี่ยวข้อง

รีวิว The Witcher — นักล่ามอนสเตอร์ในโลกแห่งเวทมนตร์และชะตากรรม

รีวิวWednesdayซีรีส์สาวอัจฉริยะผู้ลึกลับแห่ง Nevermore Academy

Scroll to Top