
Dark ซีรีส์ไซไฟ-ทริลเลอร์จากเยอรมนี บน Netflix ที่เล่าเรื่องการหายตัวไปของเด็กในเมืองเล็ก ๆ และการเปิดโปงความลับข้ามเวลา เชื่อมโยงชะตากรรมของสี่ตระกูลใหญ่ในเมือง Winden ได้อย่างซับซ้อนและน่าติดตาม
เรื่องย่อ
Dark เริ่มต้นขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Winden ประเทศเยอรมนี เมื่อเด็กชายชื่อ Erik หายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้เกิดการค้นหาอย่างเร่งด่วน แต่ไม่นานหลังจากนั้น เด็กชายอีกคนชื่อ Mikkel Nielsen ก็หายไปเช่นกัน การหายตัวนี้กลับเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อ 33 ปีก่อน
ในระหว่างการสืบหา เบาะแสเริ่มชี้ไปยังถ้ำลึกลับที่อยู่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเมือง ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์เดินทางข้ามเวลา ผู้ชมจะได้พบว่ามีการเคลื่อนย้ายข้ามปีแบบตายตัวในช่วงเวลา 33 ปี (เช่น 1953, 1986, 2019) และชะตากรรมของสี่ตระกูลใหญ่ในเมือง— Nielsen, Doppler, Tiedemann, และ Kahnwald—ถูกพันกันด้วยความลับและการหักหลัง
เมื่อการเดินทางข้ามเวลาถูกเปิดเผย เรื่องราวก็ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตัวละครบางคนที่เรารู้จักในปัจจุบัน อาจจะเป็นคนเดียวกันกับอีกตัวละครในอดีตหรืออนาคต และทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อเส้นเวลาอย่างคาดไม่ถึง

จุดเด่นของซีรีส์
โครงเรื่องซับซ้อนแต่มีเหตุผลรองรับ – ใช้การเดินทางข้ามเวลาที่มีตรรกะชัดเจนและสอดคล้องกันตลอดทั้งเรื่อง
การวางปมและการคลี่คลายที่แม่นยำ – ปมทุกจุดถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และค่อย ๆ เฉลยอย่างมีจังหวะ
การสร้างบรรยากาศที่กดดันและน่าขนลุก – ภาพ สี และดนตรีประกอบทำให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่ในเมือง Winden จริง ๆ
ตัวละครมีมิติ – ไม่มีใครเป็นคนดีหรือเลวอย่างแท้จริง ทุกคนมีเหตุผลและแรงจูงใจของตัวเอง
การถ่ายภาพและโปรดักชันคุณภาพสูง – ทั้งมุมกล้อง แสง และรายละเอียดฉากถูกคิดมาอย่างพิถีพิถัน

รีวิวแบบละเอียด
Dark ไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูเพลิน ๆ ได้ง่าย ๆ เพราะต้องใช้สมาธิสูงในการทำความเข้าใจตัวละครและเส้นเวลา แต่ความซับซ้อนนี้คือเสน่ห์ที่ทำให้แฟน ๆ หลงรัก มันเป็นการผสมผสานระหว่างดราม่าครอบครัว ความรัก การทรยศ และวิทยาศาสตร์เชิงลึกเกี่ยวกับเวลา
สิ่งที่ทำให้ Dark แตกต่างจากซีรีส์ไซไฟอื่น ๆ คือการที่ทุกปริศนามีคำตอบในตัวเอง และผู้สร้างมีแผนการชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการยืดเนื้อหาเพื่อขายความตื่นเต้น แต่เลือกจบเรื่องในซีซันที่สามอย่างสมบูรณ์
บรรยากาศ ของซีรีส์ถือเป็นไฮไลต์ การใช้โทนสีหม่น เสียงเพลงประกอบที่ชวนให้รู้สึกอึดอัด และภาพเมือง Winden ที่ดูเย็นชา ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังติดอยู่ในวงจรของเวลาไปพร้อมกับตัวละคร
ตัวละคร ใน Dark ถูกเขียนให้มีความเป็นมนุษย์สูง ตัวอย่างเช่น Jonas Kahnwald เด็กหนุ่มที่พยายามหยุดวงจรของเหตุการณ์ แต่ก็ต้องเผชิญความจริงว่าตัวเองคือหนึ่งในจุดเริ่มต้นของปัญหา หรือ Ulrich Nielsen ตำรวจผู้มุ่งมั่นหาลูกชาย แต่การกระทำของเขากลับส่งผลเสียมหาศาลในอีกเส้นเวลา
ธีมของเรื่อง ยังชวนตั้งคำถามถึงเสรีภาพในการเลือก (free will) กับชะตากรรม (destiny) ว่าเราสามารถเปลี่ยนอนาคตได้จริงหรือทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว
คะแนนประเมิน (ส่วนตัว)
บทและการวางโครงเรื่อง: ⭐⭐⭐⭐⭐ (5/5)
การสร้างบรรยากาศ: ⭐⭐⭐⭐⭐ (5/5)
ตัวละครและการพัฒนา: ⭐⭐⭐⭐½ (4.5/5)
โปรดักชันและภาพ: ⭐⭐⭐⭐⭐ (5/5)
ความคุ้มค่าโดยรวม: 9.6/10