ในวันที่ 17 มีนาคม 2025 แฟน ๆ ของซีรีส์ Atelier จะได้สัมผัสกับบทใหม่ของเกมแนวเล่นแร่แปรธาตุในโลกแฟนตาซี Atelier Yumia จุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ ซึ่งจะเปิดให้ทดลองเล่นผ่านเดโมก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับซีรีส์ Atelier จะทราบดีว่าเกมนี้ให้ความสำคัญกับการสังเคราะห์ไอเท็ม ระบบต่อสู้แบบผลัดกันเล่น และเนื้อเรื่องที่เน้นการพัฒนาตัวละคร Atelier Yumia จะนำเสนอสิ่งเหล่านี้ในรูปแบบที่พัฒนาและทันสมัยยิ่งขึ้น ซีรีส์สาวปรุงยาที่อยู่คู่กับแฟนเกมมาเป็นเวลาช้านาน จะย้อนกลับไปเริ่มเล่นตอนนี้ก็น่าจะงงกันหนักเลยทีเดียว เพราะมีหลายภาค หลายชุดมาก แต่ข่าวดีก็คือ หากคุณสนใจจริง ๆ จะมาเริ่มต้นกันที่ภาคนี้เลยก็ได้ เพราะนี่คือภาคใหม่ล่าสุด ที่เล่าเรื่องราวของโลกใบใหม่ ตัวละครใหม่ นับหนึ่งไปพร้อมกัน

การเดินทางของ Yumia และความลับที่ต้องไข
เรื่องราวของเกมจะติดตาม นักเล่นแร่แปรธาตุที่ตื่นขึ้นมาในดินแดนลึกลับแห่งหนึ่งโดยปราศจากความทรงจำเกี่ยวกับอดีตของตัวเอง สิ่งเดียวที่เธอรู้คือโลกใบนี้เต็มไปด้วยเวทมนตร์และพลังลี้ลับที่เธอต้องเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดผู้เล่นจะได้สำรวจสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ป่าเวทมนตร์ ไปจนถึงเมืองโบราณที่ซ่อนความลับของอารยธรรมที่ถูกลืมเลือนไป การรวบรวมวัตถุดิบ เล่นแร่แปรธาตุ และพัฒนาทักษะของ จะเป็นหัวใจหลักของการเดินทางครั้งนี้ เนื้อเรื่องของภาคนี้จะเล่าถึงตัวละครหลักอย่างนักเล่นแร่แปรธาตุที่เข้าร่วมคณะสำรวจ เพื่อช่วยเหลือในการออกสำรวจดินแดน Aladiss ที่ล่มสลาย อาณาจักร Aladiss ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่อยู่ดี ๆ ก็ล่มสลายในพริบตา ว่ากันว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยพิบัตินี้ คือการเล่นแร่แปรธาตุ ทำให้ผู้ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุนั้น แม้จะไม่ถูกจับตายหรือโดนโทษประหาร แต่ใครที่ใช้มันก็จะถูกเหยียดหยามดูถูกอย่างมาก
Yumia เองที่เป็นผู้ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุที่สืบสายเลือดมาจากตระกูล และยังได้เข้าร่วมทีมสำรวจอาณาจักร Aladiss ด้วย ทำให้ถูกจับตามองและเฝ้าระวัง เพื่อพิสูจน์ว่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่แม่เธอสอนมาให้นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย และเพื่อตามหาเรื่องราวเบื้องหลังครอบครัวของเธอ รวมไปถึงค้นหาต้นตอที่เกิดขึ้นกับอาณาจักร Aladiss ด้วยว่า สรุปแล้ว มันล่มสลายลงเพราะวิชาเล่นแร่แปรธาตุจริงหรือไม่ การเดินทางของ Yumia และคณะสำรวจจึงเริ่มต้นขึ้น
องค์ประกอบที่น่าสนใจของ Atelier Yumia
ถ้าเราเข้าไปเดินผจญภัยหรือสำรวจ ค่าพลังงานจะลดลงไปเรื่อย ๆ เราต้องไปทำการขจัดกลิ่นไอมานาที่แท่นโบราณก่อน ก็จะเปิดพื้นที่ตรงนั้น และสำรวจได้อย่างอิสระ ก็เหมือนกับการปีนเสาเปิดจุดวาร์ป และหลังจากเราออกสำรวจได้เต็มที่ ในพื้นที่นั้นก็จะเต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ให้เราทำมากมาย ตั้งแต่การต่อสู้กับมอนสเตอร์ การทำเควส เมื่อเก็บพื้นที่จนครบถึงเปอร์เซนที่กำหนดก็จะสามารถรับของรางวัลเสริมได้ด้วย
1. ระบบเล่นแร่แปรธาตุที่ยกระดับขึ้น
ซีรีส์ Atelier เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของ Alchemy System หรือระบบเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของเกม โดยในภาคนี้ ผู้เล่นจะสามารถ สังเคราะห์ไอเท็มได้อย่างอิสระมากขึ้น และสามารถสร้างไอเท็มใหม่ ๆ ตามสไตล์การเล่นของตนเอง
2. ระบบต่อสู้แบบผลัดกันเล่นที่พัฒนาให้ลื่นไหลขึ้น
Atelier Yumia ยังคงรักษารูปแบบการต่อสู้แบบ Turn-Based RPG เอาไว้ แต่ปรับปรุงให้มี แอนิเมชันที่สมจริงขึ้น และเพิ่มกลยุทธ์การต่อสู้ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ผู้เล่นสามารถใช้พลังจากการเล่นแร่แปรธาตุเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวละครได้
3. โลกกว้างที่เต็มไปด้วยความลับให้ค้นหา
นอกจากระบบต่อสู้และการเล่นแร่แปรธาตุ เกมยังมี แผนที่ขนาดใหญ่ที่เปิดให้ผู้เล่นสำรวจได้อย่างอิสระ โดยสถานที่แต่ละแห่งมีความเป็นเอกลักษณ์ และซ่อนเรื่องราวที่รอให้ผู้เล่นค้นพบ
4. การพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ
ในโลกของ Atelier Yumia ผู้เล่นจะได้พบกับตัวละครมากมาย และสามารถสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาได้ ซึ่งการเลือกตอบโต้และกระทำของผู้เล่นจะส่งผลต่อเหตุการณ์และเส้นเรื่องของเกม
เดโมเกม – คุ้มค่าที่จะลองหรือไม่?
ฉากหลังของเกมนี้คือดินแดนที่ถูกเรียกว่า Forbidden Land เดิมทีมันคือพื้นที่ของอาณาจักร Aladiss ที่เกิดการระเบิดของมานา ด้วยวิธี ทำให้การเปิดแผนที่ของเกมนี้จะให้อารมณ์ของเกม Ubisoft อยู่พอสมควร ในช่วงแรกพื้นที่ส่วนใหญ่จะถููกกลิ่นไอมานาปกคลุมเอาไว้ สำหรับผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่า Atelier Yumia เหมาะกับตัวเองหรือไม่ การเปิดให้ทดลองเล่นเดโมในวันที่ 17 มีนาคม เป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสบรรยากาศของเกม โดยคาดว่าเดโมจะให้ผู้เล่นได้
- ทดลองระบบเล่นแร่แปรธาตุเบื้องต้น
- ทำภารกิจเนื้อเรื่องช่วงแรกของเกม
- ทดสอบระบบต่อสู้และการพัฒนาตัวละคร
- สำรวจแผนที่ส่วนหนึ่งของโลกเกม
หากระบบเกมและเนื้อเรื่องสามารถดึงดูดผู้เล่นได้ ก็อาจเป็นแรงจูงใจให้เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งภาคที่ได้รับความนิยมของซีรีส์

Atelier Yumia กับแนวโน้มของเกมแนว RPG ในปัจจุบัน
เกมแนว Turn-Based RPG ในช่วงหลังเริ่มมีการพัฒนาให้ทันสมัยขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้เล่นยุคใหม่ Atelier Yumia เป็นตัวอย่างของเกมที่ ผสมผสานความเป็นเกมคลาสสิกเข้ากับองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่ช่วยให้เกมยังคงมีเสน่ห์ในขณะที่เหมาะกับตลาดเกมในปัจจุบันการเปิดตัวเดโมเป็นกลยุทธ์ที่ทีมพัฒนาหลายแห่งเริ่มนำมาใช้มากขึ้น เพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เล่น และอาจช่วยเพิ่มยอดขายได้ในอนาคต
จุดที่ Atelier Yumia ทำได้ค่อนข้างดี คือการไล่สเกลเนื้อเรื่องจากความพยายามในการพิสูจน์ตัวเองของ Yumia ที่แสดงออกมาทั้งการกระทำ คำพูด รวมไปถึงแอนิเมชันตัวละคร ที่ทำให้เราเอาใจช่วยไปตลอดรอดฝั่ง ว่าเธอจะได้รับการยอมรับเสียที ไปจนถึงการค่อย ๆ มีเพื่อน เปิดใจยอมรับ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ผสมกลิ่นอายของความเป็น Coming of Age เล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ ทำให้แม้มันจะเป็นสูตรสำเร็จ แต่ระหว่างทางก็ยังคงสวยงาม และคุ้มค่ากับการเดินทางตลอดทั้งเกม
อนาคตของ Atelier Yumia – มีอะไรให้รอคอย?
นอกจากนั้นเกมนี้ยังมีเนื้อหาค่อนข้างยาวใช้ได้ เอาแค่กลุ่มตัวละครที่เราเห็นบนปกเกมหรือตัวอย่างเกม กว่าจะรวมตัวกันครบทีมก็ใช้เวลาเกิน 10 ชั่วโมงไปแล้ว ดังนั้นใครชอบเกมที่มีความยาวมากกว่าเกมทั่วไปก็อาจจะติดอยู่กับเกมนี้ได้นานมาก แต่จะชอบหรือไม่ชอบ นั่นคือสิ่งที่ผู้เล่นอาจจะต้องตัดสินกันเอาเอง หากเกมประสบความสำเร็จ คาดว่าทีมพัฒนาอาจมีการเพิ่ม DLC หรือเนื้อหาเสริม ที่ช่วยขยายจักรวาลของเกมให้กว้างขึ้น เช่น
- ภารกิจเสริมที่เพิ่มความลึกให้กับเนื้อเรื่อง
- ตัวละครใหม่ที่สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ได้
- การอัปเกรดระบบเล่นแร่แปรธาตุให้หลากหลายขึ้น
โดยปกติแล้ว เกมในซีรีส์ Atelier มักได้รับการอัปเดตหลังเปิดตัว และมีการเพิ่มเนื้อหาเพิ่มเติมเพื่อขยายความสนุกของเกม
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับ Atelier Yumia
ด้วยความที่เล่าเรื่องใหม่ ตัวละครใหม่ สถานที่ใหม่ ดังนั้นผู้เล่นแทบไม่ต้องทำการบ้านใด ๆ จากภาคก่อนมาเลย แต่สิ่งสำคัญที่ผมอยากแนะนำคือ การไปหาอ่านรายละเอียดและ Lore จากหน้าเว็บไซต์ Official ของตัวเกม จะได้ไม่งงคำศัพท์หรือเหตุการณ์ในช่วงต้น เพราะมันแทบไม่บอกอะไรเราเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในดินแดน Aladiss คือมันเล่าแน่นอน ถ้าคุณอ่านจนครบ แต่มันตกหล่นได้ง่ายมาก ๆ ถ้าให้แนะนำก็อ่านพวกคำโปรยหรือเรื่องย่อจากหน้า Official เอาก็เพียงพอแล้ว
แต่ส่วนใหญ่การดำเนินเรื่องของเกมนี้ มันก็ยังคงตามขนบธรรมเนียมเดิมของความเป็นเกมญี่ปุ่น คือทุกอย่างจะดูเรียบง่าย เป็นเส้นตรงไปซะหมด บทสนทนาที่ไม่ได้เข้าใจยากหรือซับซ้อนอะไร และสอดแทรกด้วยปมของเหล่าตัวละครร่วมทาง ฉากคัทซีนสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่น และการที่เกมเปิดโอกาสให้เราเข้าไปพูดคุย สอบถาม หรือเผชิญหน้ากันร่วมไปกับเส้นเรื่องหลักด้วยก็มี และด้วยความที่กลุ่มตัวละครหลักมันมีอายุไล่ ๆ กัน เราจะได้เห็นฉากที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ จากคนแปลกหน้าไปสู่เพื่อนสนิท ตรงนี้ผมว่าเขาเล่าเรื่องได้ค่อนข้างดี และน่าติดตามมากแฟนเกมสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกมนี้และร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาในเดโมได้ โดยคุณคิดว่า
- เกมนี้จะสามารถเทียบชั้นกับภาคก่อนหน้าของซีรีส์ Atelier ได้หรือไม่?
- ระบบเล่นแร่แปรธาตุที่พัฒนาขึ้นจะช่วยให้เกมสนุกขึ้นจริงหรือไม่?
- คุณอยากเห็นอะไรเพิ่มเติมในเกม Atelier Yumia?
ร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเกมนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมเกมที่แข็งแกร่งขึ้น