ในตัวอย่างใหม่สุดหลอนที่งาน Sony State of Play ของวันนี้ เราได้เรียนรู้ว่าหมอกแห่งความสยองขวัญใหม่ๆ ของ Silent Hill f กำลังใกล้เข้ามาแล้ว โดยจะออกฉายในวันที่ 25 กันยายน 2025
ในตัวอย่างใหม่ที่น่าหดหู่ใจอย่างยิ่งในวันนี้ เราได้เห็นมุมมองที่ยาวขึ้นและมืดมนขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังรอเราอยู่ใน Silent Hill f เราได้เห็นตัวละครหลัก ฮินาโกะ ชิมิสุ และเพื่อนๆ ของเธอใน เอบิสึกะโอกะ ใช้ชีวิตปกติและสงบสุข ก่อนที่หมอกลึกลับจะปกคลุมเมืองและทำให้ทุกอย่างแปลกประหลาดดอกไม้สีแดงน่าขนลุกบาน ตุ๊กตาที่น่ารังเกียจเริ่มไล่ตามฮินาโกะและพยายามฉีกเธอเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อนๆ ของเธอเองก็ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นัก มีทั้งเลือดสาด ความรุนแรง เหนือธรรมชาติมากมาย และฮินาโกะก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ค้อนทุบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Silent Hill f ได้รับการประกาศครั้งแรกในปี 2022 โดยมีฉากหลังเป็นญี่ปุ่นในยุค 1960 และมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำความสยองขวัญมาเปรียบเทียบกับความสวยงามในเรื่องราวที่เขียนโดยนักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง Ryukishi07 จากนั้นเราก็ได้รู้ว่าเกมนี้เป็นเกมแยกจาก เกม Silent Hill อื่นๆ และเป็นเกม Silent Hill เรท M เกมแรกของญี่ปุ่น ซึ่งมีคำเตือนที่น่ากลัวอย่างแท้จริงเกี่ยวกับการเสียบไม้ ใบหน้าที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็ก ตัวละครถูกเผาทั้งเป็นในกรง เครื่องในบนจานเสิร์ฟ และอื่นๆ อีกมากมาย ยี้!
“เกมนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางเพศ การล่วงละเมิดเด็ก การกลั่นแกล้ง ภาพหลอนที่เกิดจากยาเสพติด การทรมาน และความรุนแรงในรูปแบบกราฟิก เกมนี้มีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1960 และมีเนื้อหาเกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมในสมัยนั้น เนื้อหาเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนความคิดเห็นหรือค่านิยมของผู้พัฒนาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากคุณรู้สึกไม่สบายใจในระหว่างเล่นเกม โปรดพักการเล่นหรือพูดคุยกับคนที่คุณไว้ใจ” แม้ว่าในตอนแรกซีรีส์จะผสมผสานองค์ประกอบสยองขวัญแบบญี่ปุ่นและตะวันตกเข้าด้วยกัน แต่ Konami รู้สึกว่าซีรีส์นี้ได้รับ อิทธิพล มากเกินไป ทำให้อิทธิพลของญี่ปุ่นลดน้อยลง ดังนั้น ทีมงานจึงตัดสินใจสร้างSilent Hill fให้เป็น “สยองขวัญญี่ปุ่น 100%” โดยเน้นที่ “แก่นแท้” ของญี่ปุ่น ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นศูนย์กลางของซีรีส์ แม้ว่าเรื่องราวมักจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาก็ตามการเปลี่ยนฉากจากเมืองในชื่อเรื่องเป็นญี่ปุ่นถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากผู้พัฒนามุ่งหวังที่จะรักษาธีมหลักของซีรีส์ไว้ ซึ่งก็คือ “การพรรณนาถึงการต่อสู้ของตัวละครกับความชั่วร้ายภายในตัวพวกเขาเอง—บาป ความไม่พอใจ และความขัดแย้ง
