หลังจากหลายปีที่ซีรีส์ Assassin’s Creed เดินทางไกลผ่านอียิปต์ของ Bayek, กรีซของ Kassandra หรือ อังกฤษยุคไวกิ้งของ Eivor ก็มาถึง Shadow ที่จะพาผู้เล่นเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ในภาคนี้มีการปรับเปลี่ยนโมเดลของเกมให้กลับมาสู่ความคลาสสิก ลอบฆ่า ล่อลวงศัตรู และการหาข้อมูลโดยที่ไม่ต้องต่อสู้เสมอ ไม่ต้องวิ่งฟาร์มหาไอเทมเทพก่อนจะลุยบอสแต่ละช่วงเหมือนบางภาคก่อนหน้านี้
Assassin’s Creed Shadows จะเล่าเรื่องผ่าน “สองมุมมอง” ของตัวละครที่แตกต่าง ยาสุเกะและ นาโอะเอะ ที่ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่กำหนดไว้และนั่นคือจุดขายของภาคนี้ ที่เริ่มนำเสนอวิธีการที่แตกต่างจากเส้นทางเดิมๆ ของซีรีส์

Assassin’s Creed Shadows เป็นเกมที่พาผู้เล่นเดินสัมผัสกับประเทศญี่ปุ่นในยุคเซนโกคุ (ประมาณปี ค.ศ. 1579) ซึ่งเป็นยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและการต่อสู้ระหว่างแคว้นต่างๆ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นสองตัวละครหลักคือ นาโอะเอะ (ชิโนบิจากแคว้นอิงะ) และ ยาสุเกะ (ซามูไรชาวแอฟริกันที่เคยเป็นทาส) ทั้งสองมีเส้นทางและเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่โชคชะตาได้นำพวกเขามาพบกันเพื่อเผชิญหน้ากับองค์กรลึกลับที่มีอิทธิพลในยุคนั้นเกมจะสลับระหว่างมุมมองของ นาโอะเอะ และ ยาสุเกะ โดยทั้งสองต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในและภายนอก นาโอะเอะมุ่งมั่นที่จะล้างแค้นให้กับครอบครัวและหมู่บ้านที่ถูกทำลาย ขณะที่ยาสุเกะพยายามพิสูจน์ตนเองในฐานะซามูไรถึงแม้จะว่าชาติกำเนิดจะไม่ใช่คนญี่ปุ่นและค้นหาความหมายของเกียรติยศ ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับกลุ่ม ชินบาคุฟุ (Shinbakufu) ซึ่งเป็นองค์กรลับมีอิทธิพลในยุคนั้น การเดินทางของพวกเขาจะพาเราไปพบกับบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยคนแต่งบทได้ฝากปมไว้ให้กับตัวละครทั้งสองเป็นแรงชับเคลื่อน
การล้างแค้นและการให้อภัย: นาโอะเอะต้องต่อสู้กับความโกรธในตัวและการล้างแค้น ขณะที่ยาสุเกะต้องเรียนรู้การให้อภัยและยอมรับตนเอง
การค้นหาตัวตน: ทั้งสองตัวละครต้องเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับสถานะและบทบาทตัวเองในสังคมที่เปลี่ยนแปลงจากอดีต
ความขัดแย้งระหว่างหน้าที่และความรู้สึกส่วนตัว: ความยากในการตัดสินใจระหว่างการทำภารกิจและความรู้สึกส่วนตัวเป็นหัวใจสำคัญของเส้นเนื้อเรื่องที่จะได้พบเจอ
เกมประกอบด้วยภารกิจหลัก 22 ภารกิจ ซึ่งแต่ละภารกิจจะพาไปพบเจอกับเหล่าศัตรูที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องในแต่ละบทเป็นตัวปูทางในการไขปริศนาและรับข้อมูลใหม่ เช่น การลอบสังหาร วาดะ โคเระทาเกะ (Wada Koretake) และการต่อสู้กับ คาคุชิบะ อิกกิ (Kakushiba Ikki) นอกจากนี้ ยังมีภารกิจที่ทางทีมพัฒนาได้นำเสนอประเพณีและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นให้แทรกอยู่ภายในเกมด้วย เช่น พิธีชงชา ที่ผู้เล่นต้องทำตามขั้นตอนและตัดสินใจเลือกเส้นทางของเรื่องราวผ่านภารกิจเหล่านี้

เทียบกับภาคก่อนๆ เป็นยังไง
- ภาคนี้คล้ายกับ Syndicate ตรงที่ให้สลับเล่นสองตัวละคร แต่ระบบลอบฆ่าทำออกได้ดีกว่าเยอะมาก
- ไม่มีระบบ RPG ให้ฟาร์มเก็บเวลแบบ Odyssey / Valhalla แล้ว กลับไปเน้นต่อสู้และลอบฆ่าที่เป็นแบบคลาสสิก แต่ยังคงความอิสระสไตล์ Openworld ไว้อยู่
- ใส่ใจในการออกแบบโลกภายในเกมมากขึ้น ตัว NPC มีชีวิตมากภาคก่อน ช่วงเวลาส่งผลต่อเกมเพลย์ เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เกมดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น