รีวิวเกมเทิร์นเบสยัง ไม่ตาย ! แต่ทำไมถึงหาเล่นยากขึ้น ทั้งที่ยังมีคนคิดถึงอยู่ไม่น้อย

เคยสังเกตไหมว่า แม้เกมแนวแอ็กชันจะครองตลาดแบบไม่เกรงใจใคร แต่เมื่อพูดถึงเกมที่ทำให้เราต้อง “นั่งลงคิด” อย่างเกมแนว Turn-based RPG หรือเกมวางแผนสลับตา ชื่อเกมคลาสสิกอย่าง Final Fantasy ภาคเก่า ๆ, Dragon Quest, XCOM, หรือแม้กระทั่งเกมยุคใหม่อย่าง Honkai: Star Rail และ Sea of Stars ก็ยังถูกพูดถึงด้วยความรักและความคิดถึงอยู่เสมอ นี่คือเครื่องยืนยันว่า อย่างแน่นอน แต่น่าแปลกที่ในมหาสมุทรแห่งเกมยุคใหม่ กลับรู้สึกว่าการจะเจอเพชรเม็ดงามในแนวนี้ “ยากขึ้น” แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่ยังมีคนโหยหาการวางแผนที่ลุ่มลึกอยู่ไม่น้อย?

เสน่ห์ของเกมเทิร์นเบสที่เกมแนวอื่นให้ไม่ได้ คือ “เวลา” ต่างจากเกมแอ็กชันเรียลไทม์ที่เน้นปฏิกิริยาตอบสนองและทักษะการกดปุ่มรัว ๆ เกมเทิร์นเบสให้โอกาสเราได้หยุดหายใจ ได้มองภาพรวมของการต่อสู้ ได้คิดคำนวณอย่างรอบคอบว่า “เทิร์นนี้จะทำอะไรดี” จะใช้สกิลป้องกัน? จะรวมพลังโจมตีใส่จุดอ่อน? หรือจะใช้ไอเทมเพื่อพลิกสถานการณ์? ความสนุกของการได้วางแผนและเห็นผลลัพธ์จากความคิดตัวเองนี่แหละที่ทำให้เกมแนวนี้มี “ความลึก” และความผูกพันกับกลยุทธ์ที่หาไม่ได้จากเกมอื่นแต่ในยุคที่ทุกอย่างต้อง “รวดเร็วทันใจ” (Instant Gratification) นี่แหละคือจุดที่เกมเทิร์นเบสเริ่มถูกท้าทายตลาดที่เปลี่ยนไป, เวลาที่สั้นลง

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกมเทิร์นเบสบนแพลตฟอร์มคอนโซลหรือ PC แบบดั้งเดิม (ที่ไม่ใช่เกมมือถือสไตล์กาชา) ดูเหมือนจะหายากขึ้น อาจมาจากปัจจัยของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป:

ความเร็วคือพระเจ้า: ทุกวันนี้ผู้เล่นถูกกระตุ้นด้วยคอนเทนต์ที่รวดเร็ว คลิปสั้นบนโซเชียล การสตรีมเกมที่เน้นความตื่นเต้นแบบนาทีต่อนาที ทำให้เกมแอ็กชันที่ฉากต่อสู้บู๊มันส์ ๆ กดรัว ๆ ได้รับความนิยมมากกว่า เพราะดูแล้ว “เร้าใจ” และเข้าใจง่ายกว่าสำหรับผู้ชมทั่วไปขาดความน่าตื่นเต้นในมุมมองแรก: สำหรับเกมเมอร์หน้าใหม่ การเห็นฉากต่อสู้ที่ตัวละครยืนสลับกันตี ดูเหมือนจะ “ช้า” และ “น่าเบื่อ” เมื่อเทียบกับเกมแอ็กชัน-RPG ที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้เกมแนวนี้เข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้ยากกว่า

ความเสี่ยงของผู้พัฒนา: การสร้างเกมเทิร์นเบสที่ดีต้องใช้เวลาในการออกแบบระบบต่อสู้ให้มีความสมดุล ลุ่มลึก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าในการทำกำไร เมื่อเทียบกับเกมแนวตลาดที่พิสูจน์แล้วว่าขายได้ดีกว่า ทำให้ผู้พัฒนาเกมระดับ AAA มักเลือกสร้างเกมที่เข้าถึงง่ายและมีศักยภาพในการทำเงินสูงกว่าแทน

แต่ยังมีที่ยืนเสมอสำหรับผู้ที่คิดถึงถึงแม้ว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เราก็ยังเห็นเกมเทิร์นเบสคุณภาพเยี่ยมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น Honkai: Star Rail ที่นำเสนอภาพกราฟิกสวยงามและการต่อสู้ที่รวดเร็วฉับไวบนแพลตฟอร์มมือถือ, Sea of Stars ที่นำเสนอกลิ่นอาย JRPG ยุคคลาสสิกที่แสนอบอุ่น, หรือ Persona 5 ที่แสดงให้เห็นว่าการออกแบบสไตล์ที่โดดเด่นสามารถดึงดูดผู้เล่นยุคใหม่ได้ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า ‘คนคิดถึง’ ยังคงมีอยู่จริง และพวกเขายินดีที่จะจ่ายเพื่อเกมคุณภาพ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังโหยหาความสนุกแบบคลาสสิก ‘เกมเทิร์นเบสยังไม่ตาย‘ ในยุคนี้อาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้นหน่อย แต่รับรองว่าเมื่อคุณได้พบกับเกมที่ระบบต่อสู้ยอดเยี่ยมและเนื้อเรื่องชวนติดตาม คุณจะรู้ทันทีว่า ความสนุกของการได้ใช้สมองและวางแผนอย่างรอบคอบนั้น…ไม่มีวันตาย! ลองเปิดใจค้นหาดู แล้วคุณจะเจอโลกแห่งกลยุทธ์ที่คุณคิดถึงอย่างแน่นอน.