Megabonk เป็นเกมแนวเอาชีวิตรอดแบบ 3 มิติ ที่มีอารมณ์ขันเฉพาะตัว ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ เล่นไปประมาณ 15 ชั่วโมงแล้ว ณ ตอนที่เขียนบทความนี้ ดังนั้นแม้ว่าการดูคร่าวๆ นี้จะตั้งใจแบ่งปันความประทับใจในช่วงแรกๆ รีวิว Megabonk ฉบับย่อ มากกว่าจะเป็นรีวิวฉบับเต็มที่ได้รับคะแนน แต่ก็ได้ทำอะไรๆ ที่น่าสนใจมามากมายแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ดู แต่ได้ความสำเร็จและปลดล็อกไปมากกว่าครึ่งในช่วงเวลานั้น และก็สนุกกับมันมาก การเพิ่มแกนการเคลื่อนไหวเข้าไปอีกหน่อยก็ทำให้เกมนี้โดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก และก็ทำได้ดีเกินความคาดหมายของแนวเกมประเภทนี้อยู่แล้ว

ถ้าคุณเคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อน พื้นฐานก็แทบจะเหมือนกันหมด คุณจะวิ่งไปรอบๆ และต่อสู้กับศัตรูที่โผล่มาไม่หยุดหย่อน ซึ่งจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป มันจะเริ่มจากก็อบลินตัวเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยมาเจอก็อบลินถือดาบ แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นพวกอันตรายขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น อ็อกเกอร์ หรือแมงป่องยักษ์ นานๆ ทีจะมีมินิบอสโผล่มา ช่วยเพิ่มความหลากหลายและความท้าทายเล็กๆ น้อยๆ ได้ดีทีเดียวนอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าที่ให้คุณเรียกแพ็ค Elite ที่ทรงพลังและบอสอีกมากมายพร้อมคำสัญญาว่าจะได้รางวัลที่มากขึ้น ซึ่งชอบแบบนี้เสมอ โดยไม่ต้องเข้าไปที่เมนูแล้วปรับระดับความยาก แต่สามารถปรับความยากได้ตามการตัดสินใจระหว่างการเล่นแบบนั้นมากกว่านะ
แนวเกมและรูปแบบการเล่น Megabonk
Megabonk จัดอยู่ในหมวดหมู่เกม Action Roguelike/Roguelite Survival ที่เน้นความมันส์และความโกลาหลในการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมหาศาล
- 3D Survivalแตกต่างจากเกมแนวเดียวกันที่เป็น 2 มิติ (เช่น Vampire Survivors) Megabonk นำเสนอการเล่นในสภาพแวดล้อม 3 มิติแบบ Low-Poly ที่ผู้เล่นสามารถวิ่ง กระโดด และสไลด์ไปรอบ ๆ แผนที่ที่ถูกสร้างขึ้นแบบสุ่ม
- การโจมตีอัตโนมัติ การโจมตีหลักของผู้เล่นจะเป็นแบบ อัตโนมัติ ทำให้ผู้เล่นสามารถโฟกัสไปที่การเคลื่อนที่ การหลบหลีก และการวางแผนกลยุทธ์ (คล้ายเกมแนว Vampire Survivors)
- การอัปเกรดแบบบ้าคลั่ง เป้าหมายคือการ เอาชีวิตรอด ให้นานที่สุด ผู้เล่นต้องจัดการศัตรูเพื่อเก็บค่าประสบการณ์ (XP) เลเวลอัพ และเลือกอัปเกรดอาวุธและไอเท็มกว่า 70 ชนิด เพื่อสร้าง Build ที่ทรงพลังและบ้าคลั่งไม่ซ้ำใคร
- Roguelite Element แม้จะไม่มีการอัปเกรดถาวรที่ทำให้ตัวละครเก่งขึ้นในทุก ๆ รัน แต่ผู้เล่นจะสามารถ ปลดล็อก ตัวละครใหม่ (มีมากกว่า 20 ตัว) อาวุธ และไอเท็มใหม่ ๆ ที่จะปรากฏในการเล่นรอบต่อไป ทำให้การเล่นแต่ละรอบมีความสดใหม่และท้าทาย

สไตล์ภาพและกราฟิกของเกม Megabonk
- Megabonk เลือกใช้การนำเสนอในรูปแบบ 3D ที่มีความโดดเด่นและมีเสน่ห์เฉพาะตัว
- Low-Poly 3D กราฟิกที่ใช้โพลีกอนต่ำ (Low-Poly) ให้ความรู้สึกย้อนยุคเล็กน้อยแต่ดูสะอาดตาและเข้ากับโทนเกมที่ไม่จริงจัง
- ความโกลาหลในแนวตั้ง การเป็นเกม 3 มิติช่วยให้ Mega bonk นำเสนอความบ้าคลั่งของศัตรูได้ดีกว่าเกม 2 มิติอย่างชัดเจน ผู้เล่นจะเห็นฝูงมอนสเตอร์กองทับกันเป็นภูเขา หรือเห็นศัตรูกระเด็นออกไปอย่างรุนแรงเมื่อถูกโจมตี ทำให้รู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นของผู้เล่น
- การออกแบบตัวละคร/ไอเท็ม ตัวละครที่เล่นได้มีดีไซน์ที่หลากหลายและชวนขำ
องค์ประกอบด้านเสียงและเพลงประกอบเกม Megabonk
- แม้ว่าในรายละเอียดเกี่ยวกับเสียงจะมีการพูดถึงประเด็นเล็กน้อยเรื่องความดังของเสียงเอฟเฟกต์ แต่โดยรวมแล้ว องค์ประกอบด้านเสียงช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การเล่น
- เพลงประกอบ (Soundtrack) ถูกกล่าวถึงว่าเข้ากันได้ดีกับสไตล์ภาพและบรรยากาศของเกม และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกและติดหนึบไปกับลูปการเล่น
- เสียงเอฟเฟกต์ การเก็บ XP, การเปิดกล่อง, และการระเบิดของเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้เกิดความพึงพอใจและเร้าใจ (The “slot machine” thrill) ในทุกครั้งที่ผู้เล่นได้รับไอเท็มใหม่หรือเลเวลอัพ

อารมณ์ขันและโทนของเกม Megabonk
- Megabonk ใช้การนำเสนอที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันแบบ “Memey Humor” และความไร้สาระแบบอินเทอร์เน็ตอย่างชัดเจน
- ชื่อและธีม ชื่อเกม “Megabonk” และชื่อไอเท็ม/ตัวละครหลายตัวถูกออกแบบโดยอิงจากมีมและวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตของคนยุค Millennial และ Gen Z ทำให้เกมมีเอกลักษณ์และเป็นที่น่าจดจำอย่างรวดเร็ว
- ความขัดแย้งที่ชวนขำ: การผสมผสานระบบ Roguelike ที่ซับซ้อนเข้ากับภาพกราฟิกแบบ Low-Poly และมุกตลกที่ไม่จริงจัง ทำให้เกิดความสนุกที่เกิดจาก ความคาดไม่ถึง และความไร้สาระที่ลงตัว
- การนำเสนอที่ลงตัวนี้ทำให้ Megabonk ไม่ได้เป็นแค่เกมเอาชีวิตรอด แต่เป็นประสบการณ์ที่ ติดหนึบ และ ชวนหัวเราะ ที่ผู้เล่นหลายคนกล่าวว่าเล่นเพลินจนลืมเวลาเลยทีเดียว