Crimson Desert แต่ลองกดปุ่มบนคอนโทรลเลอร์สองปุ่มพร้อมกัน รีวิวเกมการต่อสู้ของ Crimson Desert เขาจะพุ่งตัวพุ่งไปข้างหน้า แทงดาบไปข้างหน้าโดยตรง ถ้าคุณกดปุ่มโจมตีเบาและหนักพร้อมกัน เขาจะเปลี่ยนเป็นท่าฟาดฟันเหนือศีรษะอันทรงพลังด้วยเวทมนตร์ ฟาดดาบลงมาเป็นวงโค้งด้วยเอฟเฟกต์อนุภาคที่ทำให้เวียนหัว จริงๆ แล้วการฟาดดาบมีมากกว่าหนึ่งวิธี และนั่นก็ใช้ได้กับทุกอาวุธในการต่อสู้ของคุณ รีวิวระบบการต่อสู้ของเกม Crimson Desert จากข้อมูลพรีวิวที่มีอยู่ ชี้ให้เห็นว่าระบบต่อสู้ของเกมนี้เป็นจุดเด่นที่ เน้นแอ็กชันที่ดุดันและรวดเร็ว (Frenetic and Brutal Action) โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

ภาพรวมการต่อสู้ของเกม Crimson Desert
- เกม Crimson Desert นำเสนอระบบการต่อสู้ที่ซับซ้อนและหลากหลาย คล้ายกับการผสมผสานระหว่างเกมแอ็กชัน RPG ชื่อดังหลายเกม (เช่น The Witcher 3, Dragon’s Dogma, Legend of Zelda และแม้กระทั่งมีกลิ่นอายของเกม Fighting Game) ทำให้ผู้เล่นมี เครื่องมือและทางเลือกในการต่อสู้ที่มากมายมหาศาล
- ความซับซ้อนและหลากหลาย ตัวเอก Kliff มีการเคลื่อนไหวที่เยอะมาก ทั้งการโจมตีเบา, โจมตีหนัก, กลิ้งหลบ, เตะ, ปัดป้อง (Parry), และบล็อก แต่ยังมี ชุดความสามารถพิเศษ (Special Abilities), การใช้ ธนู, เวทมนตร์ และ ท่ามวยปล้ำ/จับทุ่ม (Wrestling Moves) ที่สามารถนำมาผสานกันเป็นคอมโบได้อย่างอิสระ
- ความดุดันและฉูดฉาด การต่อสู้มีความรวดเร็ว, เต็มไปด้วย เอฟเฟกต์ที่ตระการตา และ เสียงที่หนักแน่น ซึ่งทำให้รู้สึกถึงน้ำหนักของการโจมตีและเตะแต่ละครั้ง (Crunchy Audio and Thudding Weight)
- อิสระในการสร้างสรรค์ นักพัฒนาตั้งใจให้ระบบต่อสู้ ไม่มีรูปแบบหรือจังหวะที่ตายตัว (No fixed rhythm or pattern) เหมือนเกมอื่นๆ อย่าง Batman: Arkham แต่เน้นให้ผู้เล่น สร้างสรรค์คอมโบ และหาวิธีการที่หลากหลายในการเข้าถึงการต่อสู้ ซึ่งคล้ายกับความลึกของเกมต่อสู้ (Fighting Game Flair)
จุดเด่นที่สำคัญของเกม Crimson Desert
1. เครื่องมือต่อสู้ที่ครบเครื่อง
- Kliff สามารถสลับใช้ ดาบและโล่ (Sword and Shield) เป็นหลัก แต่ก็มีอาวุธและเครื่องมืออื่นๆ เข้ามาเสริม:
- Focus Mode/Slow Motionสามารถใช้พลังงานเพื่อเข้าสู่ช่วง สโลว์โมชัน (Slow Motion) สั้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการยิงธนูเข้าจุดอ่อน หรือวางแผนการเคลื่อนไหวต่อไป
- การเคลื่อนไหวในอากาศมีท่าที่สามารถพาตัวเองขึ้นไปในอากาศเพื่อยิงธนู หรือโฉบลงมาโจมตี
- การปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมมีการกล่าวถึงว่าได้รับแรงบันดาลใจจากเกม Zelda สมัยใหม่ ทำให้สามารถมีการปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในการต่อสู้ได้
- สกิลและคาถามีการใช้เวทมนตร์และสกิลพิเศษที่หลากหลาย ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้งระยะประชิดและระยะไกล

2. บอสไฟต์สุดมันส์และท้าทาย
การต่อสู้กับบอสมีความ ตึงเครียดและรุนแรง (Tense and Brutal) บอสบางตัวก็มีขนาดใหญ่และทรงพลัง ทำให้การต่อสู้มีกลไกที่หลากหลายและต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่ผู้เล่นมี
3. อิสระในการเข้าปะทะ
เกมเน้นความยืดหยุ่น โดยมีทั้งการต่อสู้แบบ โจมตีตรงๆ (All-out approach), การลอบเร้น (Stealthy manner), และการใช้ สภาพแวดล้อม หรือ พาหนะ เช่น มังกร เข้ามาช่วยในการต่อสู้
Crimson Desert ข้อสังเกตอย่างไร
แม้ว่าระบบต่อสู้จะได้รับการยกย่องว่า สนุกและเร้าใจอย่างยิ่ง แต่ก็มีข้อกังวลบางประการที่ผู้ที่ได้ทดลองเล่น (Previewers) ได้ให้ความเห็นไว้
- การควบคุมที่ซับซ้อน เนื่องจากมีท่าทางและความสามารถให้ใช้มากเกินไป ทำให้ ปุ่มควบคุม (Controls) ค่อนข้าง ยุ่งยาก (Fiddly) และอาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความคุ้นเคย
- จังหวะการตอบสนองของปุ่ม (Input Lag) มีรายงานถึง ความล่าช้าเล็กน้อย (Noticeable Lag) ระหว่างการกดปุ่มกับการกระทำในเกม ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่เกมต้องประมวลผลการผสานท่าทางที่ซับซ้อน
- การล็อคเป้าหมาย (Lock-on) และมุมกล้อง (Camera) ผู้เล่นบางส่วนพบว่าระบบล็อคเป้าหมายยังไม่สมบูรณ์ (ต้องยกโล่ถึงจะล็อคเป้า) และมุมกล้องบางครั้งก็มีปัญหา โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับศัตรูที่เข้ามารุมจากทุกทิศทาง
- ความยาก เกมมีความ ท้าทายสูง (Hard) โดยศัตรูมีความดุดันและไม่ลดละ ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนรู้สึก ท่วมท้น (Overwhelming) ได้

สรุปโดยรวม
ระบบการต่อสู้ของ Crimson Desert มุ่งเน้นการเป็นเกมแอ็กชันแบบ จัดเต็ม ไม่มีข้อจำกัด ที่มอบ คอมโบที่รวดเร็วและเป็นไปได้ไม่รู้จบ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น ตัวเอกแอ็กชัน RPG หลายคนรวมกันในร่างเดียว หากคุณเป็นคนที่ชอบระบบต่อสู้ที่ต้องใช้ ทักษะ (Skill-intensive) และสนุกกับการ ลองผิดลองถูกเพื่อสร้างคอมโบที่ยอดเยี่ยม เกมนี้มีศักยภาพที่จะทำให้คุณติดใจได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องแลกมากับการเรียนรู้ชุดควบคุมที่ค่อนข้างซับซ้อน